ฟันเทียมถอดได้

ฟันเทียมถอดได้

ฟันเทียมถอดได้ คือ ฟันเทียมที่ใช้ทดแทนฟันธรรมชาติที่หายไป รวมถึงเนื้อเยื่อข้างเคียง ทำจากโลหะเจือนิเกิล - โครเมียม ไททาเนียม หรืออะคริลิกเรซิน

ข้อดีของฟันเทียมถอดได้

  • สามารถทดแทนฟันที่หายไปได้หลายๆ ซี่
  • สามารถทดแทน และแก้ไข้กรณีที่มีเหงือก และกระดูกหายไปเป็นจำนวนมาก
  • ราคาถูกกว่าฟันเทียมติดแน่น
  • กรณีที่ฟันหลักไม่แข็งแรง ทำฟันเทียมติดแน่นไม่ได้
  • ใช้เป็นฟันเทียมชั่วคราวระหว่างรอการรักษาอื่นๆ หรือช่วยประเมินความสวยงาม และการใช้งานของฟันเทียมติดแน่นได้


​ชนิดของฟันเทียมถอดได้

  • ฟันเทียมถอดได้ทั้งปาก ฟันเทียมชนิดนี้ใช้ในคนไข้ที่มีการสูญเสียฟันไปทั้งปาก หรือเหลืออยู่เพียงไม่กี่ซี่ (โดยมากจะไม่เกิน 6 ซี่) ถ้าฟันธรรมชาติหายไปเพียงขากรรไกรเดียว จะเรียกว่าชุดฟันเทียมเดี่ยว (Single Denture)
  • ฟันเทียมบางส่วนถอดได้ ฟันเทียมบางส่วนถอดได้ใช้ทดแทนในกรณีที่ฟันธรรมชาติเหลืออยู่หลายซี่ทำได้ทั้งจากโลหะ เรียกว่าฟันเทียมบางส่วนถอดได้ฐานโลหะ ถ้าทำจากอะคริลิกเรซินจะเรียกว่าฟันเทียมบางส่วนถอดได้อะคริลิก หรือบางชนิดทำจากไนลอนที่มีความยืดหยุ่นสูง แต่ยังมีข้อจำกัดในการใช้งาน จะใช้ฟันเทียมชนิดไหนขึ้นอยู่กับลักษณะฟันของคนไข้ เศรษฐานะ และจุดประสงค์ของคนไข้รายนั้นๆ
  • ฟันเทียมใส่ทันที ฟันเทียมชนิดนี้มักใช้เป็นฟันเทียมชั่วคราว ในกรณีที่ต้องถอนฟันหลายซี่ หรือเป็นฟันเทียมถอดได้ระยะยาว ในกรณีที่ถอนฟันไม่กี่ซี่ทันตแพทย์จะทำการเตรียมฟันเทียมให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วจึงทำการนัดหมายคนไข้มาทำการถอนฟันร่วมกับการใส่ฟันเทียมทันทีภายหลังถอนฟัน ในวันที่ถอนคนไข้ต้องใส่ฟันเทียมตลอดเวลา และจะต้องมีการเติมฐานฟันปลอม - ฟันเทียมภายหลังจากถอนฟันไปแล้ว 1 - 2 เดือน
  • ฟันเทียมคร่อมราก ฟันเทียมถอดได้ชนิดนี้จะมีส่วนของรากฟันธรรมชาติ หรือรากฟันเทียมร่วมกับส่วนยึดต่อ เพื่อช่วยยึดให้ฟันเทียมแน่นกระชับอยู่ในช่องปาก บางกรณีอาจมีแท่งโลหะยึดช่วยในการรองรับแรงจากการบดเคี้ยวร่วมด้วย


ขั้นตอนการทำฟันเทียมถอดได้

ฟันเทียมถอดได้ใช้เวลาทำตั้งแต่ 1 - 6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิด และความยากง่ายของแต่ละบุคคล ภายหลังจากการใส่ฟันเทียมถอดได้แล้ว ต้องอาศัยการปรับตัว และความร่วมมือของคนไข้ เพื่อให้ร่างกายมีการยอมรับฟันเทียมเนื่องจากเป็นของใหม่ ในรายที่ไม่สามารถปรับตัวได้การใส่ฟันเทียมถอดได้ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ขั้นตอน และวิธีการทำสรุปได้ ดังนี้

  • ขั้นที่ 1 การตรวจและประเมินสภาพช่องปาก ขั้นแรกทันตแพทย์จะทำการตรวจและประเมินสภาพของฟัน การสบฟัน สภาพเหงือก และกระดูกรองรับรากฟัน ความคาดหวังของคนไข้ รูปร่าง และสีฟัน จากนั้นจะทำการถ่ายเอกซเรย์ฟันที่คาดว่าจะเป็นฟันหลัก ยึดพิมพ์ปากเพื่อทำโมเดลฟัน
  • ขั้นที่ 2 วางแผนการรักษา หลังจากการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดแล้ว ทันตแพทย์จะทำการวางแผนการรักษาโดยละเอียด ตำแหน่งของตะขอฟันปลอม ชนิดของฟันที่จะใช้แต่งขี้ผึ้ง เพื่อประเมินรูปร่างของฟันเทียมที่จะทำให้กับคนไข้ รวมถึงวางแผนในการกรอแต่งฟันหลักเพื่อรองรับตะขอฟันปลอม
  • ขั้นที่ 3 การพิมพ์ปากขั้นสุดท้าย หลังจากนั้นจะทำการพิมพ์ปากขั้นสุดท้าย ในกรณีที่ต้องกรอแต่งฟันหลัก ก็จะทำก่อนการพิมพ์ปากขั้นสุดท้าย จากนั้นก็จะนำรอยพิมพ์ที่ได้ไปทำโครงฟันปลอม
  • ขั้นที่ 4 การลองฟัน ทันตแพทย์จะทำการลองแท่งกัดที่ทำจากขี้ผึ้ง และเรียงฟันมาลองใส่ให้คนไข้ดูเพื่อประเมินดูรูปร่าง สี การเรียงตัวของฟันเทียม ความอูมนูนของใบหน้า และการสบฟันเเพื่อใช้ในการทำฟันเทียมต่อไป
  • ขั้นที่ 5 การใส่ฟันเทียม หลังจากคนไข้พอใจกับฟันเทียมที่นำมาลองให้ดูแล้วทันตแพทย์ก็จะนำกลับมาทำฟันเทียมตัวจริง และใส่ให้คนไข้ หลังจากใส่แล้วจะมีจุด หรือตำแหน่งที่กดเจ็บ เนื่องจากอาจคลาดเคลื่อนในการทำฟันเทียม ทันตแพทย์จะทำการนัดหมายคนไข้กลับมากรอแต่ง และแก้ไข้ฟันเทียมต่อ ขึ้นอยู่กับการปรับตัว และความร่วมมือของคนไข้ ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 1 อาทิตย์ ถึง 2 เดือน ยิ่งในรายที่ไม่มีฟันหลักยึดด้านท้าย จะยิ่งทำให้การใส่ฟันเทียม และการปรับตัวของคนไข้ทำได้ยากมากขึ้น


การดูแล รักษาฟันปลอม-ฟันเทียมถอดได้

  • ถอดล้างทำความสะอาดทุกครั้ง หลังรับประทานอาหารเสร็จควรมีภาชนะใส่น้ำรองรับเพื่อป้องกันฟันปลอม - ฟันเทียมหลุดมือหล่นแตก
  • แปรงฟัน และทำความสะอาดฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ โดยต้องถอดฟันปลอม - ฟันเทียมออกก่อน
  • ไม่ควรใช้แปรงสีฟัน และยาสีฟันที่มีผงขัดทำความสะอาดฟันปลอม - ฟันเทียม เพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนเล็กๆทำให้ฟันปลอม - ฟันเทียมสึก ติดสีง่าย และเป็นที่สะสมของเชื้อจุลินทรีย์ได้ สามารถใช้น้ำสบู่ร่วมกับผ้าก็อซเช็ดทำความสะอาดฟันปลอม - ฟันเทียมก็เพียงพอแล้ว
  • ไม่ควรใส่ฟันปลอม - ฟันเทียมนอน ควรถอดทำความสะอาด และแช่น้ำเปล่าไว้การใส่ฟันเทียมนอนจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อรา ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อบุภายในช่องปากได้
  • ควรได้รับการตรวจเช็คเป็นประจำ เนื่องจากสันกระดูกจะมีการละลายตัวไปทำให้ฟันปลอม - ฟันเทียมกระดก เสียดสีกับเนื้อเยื่อในช่องปาก ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เป็นแผลกระดูก และเนื้อเยื่องอกย้อย เชื้อรา ทำอันตรายกับฟันหลักยึด บางกรณีอาจพัฒนาไปเป็นเนื้อร้ายได้
  • ควรเปลี่ยนฟันเทียมทุก 2 - 5 ปี
  • ไม่ควรถอดฟันปลอม - ฟันเทียมทิ้งไว้ให้แห้ง ใกล้ความร้อน หรือหล่นกระแทก เพราะจะทำให้ฟันเทียมผิดรูป ไม่สามารถใส่เข้าที่ได้